ที่ข้าพเจ้าหายไปนานเพราะช่วงนี้ป่วยๆ ทั้งมีฟันคุดและท้องเสียอีกตั้งหาก
====================================================
มาพูดถึง ฟันคุด กันก่อน
====================================================
ฟันคุด ตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจ ก็คือ ฟันที่ขึ้นมาในปากอย่างผิดปกติ หรือ ขึ้นมาไม่ได้ (อยู่ในเหงือก) ส่วนมากมักจะอยู่ริมๆ
====================================================
ที่จริงข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกถึงมันเป็นเวลานานพอควรและ แต่ตอนแรกนึกว่าเป็นฟันอีกซี่ เพราะอีกซี่นึงเป็นฟันบนขวา มันไม่มีคู่ (เหมือนเจ้าของ TT) มันก็เลยยื่นออกมาแล้วทำให้รู้สึกรำคาญๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นฟันเก แต่ก็เห็นว่ามันแค่ยื่นเฉยๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนเมื่อไม่นานมานี่ ลองถูเหงือกข้างๆ ฟัน นิ้วของข้าพเจ้าก็สัมผัสได้ถึง อะไรแข็งๆอยู่ในเหงือก นั่นหละฟันคุด
====================================================
พอรู้ว่าเป็นฟันคุด ข้าพเจ้าก็เริ่มกังวลเพราะหมอเคยบอกมาว่า ถ้าไม่เอาออกจะ
– ชนฟันอื่นทำให้ฟันอื่นผุ แล้วถ้าผุก็ปวด และอาจส่งผลถึงเส้นประสาท จี๊ดๆ
– อาจทำให้ เหงือก เป็นหนอง ปวด บวม บ่อยๆ ปากเน่าเหม็น
และมันก็มักจะไม่มีความจำเป็นในการใช้งาน ซึ่งก็ควรถอนออกไปซะ
ข้าพเจ้าเลยคิดว่ายอมเจ็บแวบเดียวดีกว่าเจ็บยาว
====================================================
สักพักข้าพเจ้าก็ตัดสินใจได้ว่าต้องรีบเอาออกให้เร็วที่สุด ก็ดูๆวันหยุดไว้ และก็หาร้านแถวๆบ้าน ดูตามเว็บ และโทรไปสอบถามเอาและก็จองได้ ศึกษาเรื่องราคาไปด้วยบ้างนิดหน่อย เพราะกลัวเอาตังค์ไปไม่พอจ่าย เอาไปสัก 4000 เผื่อเอาไว้ เพราะดันเป็นฟันที่น่าจะเป็นเคสยากซะด้วย
====================================================
พอถึงวันนัดก็ไปคนเดียวเลย ใจกล้าพอตัวนะเรา อิอิ คนส่วนมากไปกันเป็นครอบครัว นั่งรอสักพัก ผู้ช่วยหมอก็มาเรียกตัวไป เราก็เลยเดินไป สักพักขึ้นบันได เค้าก็ให้เราอยู่หน้า แต่เนื่องจากเราไม่รู้ทางเราเลยจะให้เค้าขึ้นมาก่อน หัวของเราเลยไปชนกับกำแพงเลย เจ็บมาก บวมขึ้นมาเลย กระแทกแรง เจ็บตัวก่อนทำฟันเสียอีก พอถึงหมอก็มึนๆ
====================================================
พอพบหมอก็ถามอะไรนิดหน่อยว่าทำไมมาผ่า ปวดหรือ (ที่จริงยังไม่ปวดแต่กลัวปวดนั่นหละ) และหมอก็ดูฟันอีกซี่ที่ยื่นๆออกมา แล้วเค้าก็ถามเราว่าจะเอาออกด้วยไหม ฟันนี้ไม่จำเป็น คือมันอยู่ติดกัน เราก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเอาออกด้วย เลยบอกหมอ ถอนไปเลย สรุปที่จะทำคือมีถอน 1 ผ่า 1 ซี่
พอถึงเวลาหมอก็ทำการ X-ray ตรงฟันที่เราคุด พอได้ภาพปุป หมอก็ให้เราบ้วนปากก่อน แล้วก็เริ่มดำเนินการ
====================================================
หมอก็เอาผ้ามาปิดหน้า ปิดตาเราให้เหลือแต่ปาก หลังจากนั้นก็เริ่มฉีดยาชา (โชคดีหมอมือเบามากเลยไม่รู้สึกเจ็บ) หมอก็รอสักพัก แล้วก็ทำการทดสอบแล้วถามเราว่าเจ็บอยู่ไหม เราก็ว่าไม่ หมอก็เริ่มทำการถอนฟันก่อนเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือ หมอทำอะไรสักอย่างกับเหงือก แล้วก็มีการดึง กับ ดัน ฟัน ถ้าจะใช้แรงเยอะอยู่นะ คือเนื่องจากชา เลยไม่รู้สึกไรมาก แต่รู้สึกได้ว่าดึงฟันออกไป 2 ซี่แล้วก็เย็บแผลเลย พอเสร็จก็มีเช็ดปากเรานิดหน่อยรอบเลย เราเลยรู้สึกได้ว่าเลือดน่าจะกระเด็นเต็มปากอยู่ แต่ที่สำคัญคือไม่เจ็บ พอเสร็จ หมอก็ให้กัดผ้าก็อตไว้ ใช้เวลาทั้งหมดแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเอง เร็วมาก
เสร็จก็ลุกขึ้นมาเห็นฟันตัวเองอยู่ข้างๆเลยขอหมอเอากลับมาดูเป็นที่ระลึกด้วย ตอนแรกนึกว่าฟันคุดที่อยู่ในเหงือกจะเล็กๆที่ไหนได้ใหญ่มาก
====================================================
รูปฟันหลังจากถอน และ ผ่า ข้างเดียวกัน คือ บนขวา
สภาพฟันตอนแรกที่หมอคืนมาคือ เลือดอาบและมีเนื้อเหงือกติดอยู่ อันนี้ล้างออกไปบ้างแล้ว
====================================================
หลังจากนั้นก็รอเรียก พนักงานก็เอาน้ำแข็งมาให้ประคบไปเรื่อยๆรอคิดเงิน
พอเรียกไปคิดเงิน ตกใจ ประมาณ 1500 บาท คือถูกกว่าที่คิดเยอะเลยนึกว่าจะเกิน 3000 ซะอีก แถมเบิกประกันสังคมได้ตั้ง 600
====================================================
ข้อควรปฏิบัติหลังผ่าฟันมา ตามที่เอกสารบอกมา
กัดผ้าก็อตที่หมอให้กัดไว้สัก 2 ชั่วโมง และก็พยายามอย่าพูดถ้าไม่จำเป็น (เรื่องนี้ข้าพเจ้าพยายามมาก อิอิ)
วันแรก ประคบนอกปากด้วยน้ำแข็ง
วันที่สอง ประคบด้วยน้ำอุ่นๆ
ห้ามบ้วนทุกอย่างในวันที่ถอน เลยได้แต่ให้น้ำผ่านๆปากไป
ที่สำคัญห้ามเล่นแผล ถึงแม้จะยังไม่เจ็บก็ตาม
และอื่นๆ เอาไว้โดนผ่าก็จะรู้เอง
====================================================
วันแรก เรายังไม่กล้ากินอะไรเลยกลัว เลยกินแต่น้ำเปล่ากับ นม แปรงฟันก็ยังไม่กล้าแปรง ซกมกมาก แถมต้องไปนั่งดูคนเค้ากินเลี้ยงกัน ทั้งๆที่ตัวเองกินอะไรไม่ได้นี่น่าช้ำใจจริงๆ
วันต่อๆมาแปลกใจที่ไม่เจ็บ อาจมีปวดๆบ้าง แต่น้อยกว่าที่เคยทำมาครั้งแรก และก็พยายามกินอาหารอ่อนๆ อ้าปากไม่ค่อยได้ รู้สึกจะกรามค้างไปประมาณสองวัน หลังจากนั้นก็แทบกลับมาปกติแล้ว แหอะๆ (เนื่องจากไม่ปวดข้าพเจ้าเลยไม่ได้กินยา หุหุ ที่สำคัญคือถ้าต้องกินก็อาจไม่กิน เพราะ ข้าพเจ้ากินยาเม็ดได้ยากมาก)
วันที่ผ่าตัดคือวันอาทิตย์ตอนบ่ายๆ วันที่กินข้าวสวยๆมือแรกได้นั้นเป็นวันพุธตอนเย็นๆ กินคำแรกหลังจากไม่ได้กินมานานเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ประทับใจ การที่คนเราไม่ได้กินข้าวตามปกติได้นั่นช่างทรมานจริงๆ ก่อนหน้านั้นทานแต่โจ๊ก กับ นม
====================================================
ที่จริงช่วงที่กินอาหารไม่ได้ ดันมาท้องเสียอีกตังหาก เพื่อนเลยบอกว่านอกจากเอาเข้าไม่ได้แล้วยังออกอีก เห้อ เวลาจะป่วยก็ดันป่วยพร้อมๆกัน ไว้เล่าต่อว่าท้องเสียแล้วเป็นยังไง (สาเหตุอาจเกิดจากกินนมก็เป็นไปได้ แอบเซง แหอะๆ)