Archive for the ‘ ความฝันสู่ความจริง ’ Category

ความฝันสู่ความจริง : ภาค 2 ปัจจุบันที่เป็นอยู่

และแล้วก็มาถึงภาคปัจจุบัน

==========================================

ตอนนี้ก็มาทำงานเป็น Analyst อยู่ที่บริษัท ไอทีวัน

ก็คงจะพูดเท่าที่จะพูดได้ละกันเนอะ ตามความเหมาะสม

==========================================

ก่อนได้ทำงานที่นี้ก็ได้ไปสัมภาษณ์งานกับ Microsoft และก็ Accenture มา ในส่วนของ Microsoft เนื่องจากเค้าจะรับไป โดยเป็น contract คือไม่ใช่พนักงาน ประมาณ 1 ปี แถมรู้สึกว่างานที่จะต้องทำมันไม่ใช่แนว ก็เลยไม่เอา ส่วน Accenture ก็ผ่านไปจนถึงด่านสุดท้าย ก็ตอบกับเค้าไปตามจริงว่าไม่ได้ชอบเขียนโปรแกรมมากมาย แต่ถ้าเสร็จก็ภูมิใจ พี่เค้าก็ดี ก็บอกมาว่าอย่าทำงานที่ไม่ชอบเลย คือเค้าคงจะให้เราไปเป็น programmer อะนะ ก็เป็นอันว่าคุยกันได้แปปๆก็จบไป

==========================================

ส่วนของไอทีวัน เนื่องจากเรามีเพื่อนคนนึงเข้าไปก่อนคนอื่นๆเค้า ก็เลยศึกษาได้จากภายใน ว่าบริษัทเป็นยังไง เราเห็นว่าน่าสนใจก็เลยสมัครไป ก็มีสอบข้อเขียนก่อน เนื่องจากมีคนสมัครมากพี่เค้าเลยมาที่มหาวิทยาลัยให้เลย

==========================================

ข้อเขียนก็เป็นภาษาอังกฤษมี 2 ส่วน

==========================================

1. English Essay (0.5 hour) =

ถ้าจำไม่ผิดก็จะมีประมาณ 3 ข้อให้เลือกตอบมา 2 ก็คงต้องอ่านโจทย์ดีๆ ส่วนคำถามก็จะเป็นแนวที่ใช้ถามในบริษัททั่วๆไป เอาไว้วิเคราะห์ทางด้านจิตใจของคนสมัคร [ลองๆหาอ่านได้มากมาย]เช่น จุดอ่อน จุดแข็งของคุณ หรือ คุณจะช่วยบริษัทได้อย่างไร ส่วนมากถ้าเจอคำถามประเภทนี้ถ้าตอบไปแล้วควรหาเหตุผลมาสนับสนุน รองรับ หรือ วิธีแก้ไขด้วยจะดีมาก และก็ไม่ทำให้ตัวเองดูลบจนเกินไป เช่น เป็นคนที่ขี้ลืมมากๆ แต่ยังไงก็จะพกสมุดติดตัวไว้อยู่เสมอ (ถึงแม้คุณจะมีจุดอ่อน แต่คุณก็หาวิธีแก้ไข)

นอกจากจะคิดคำตอบได้แล้วก็ต้องเขียนเรียงความเป็น โดยภาษาก็เป็นภาษาอังกฤษด้วย

แต่โดยหลักของการเขียนเรียงความนั้น ก็จะแบ่งได้ 3 ส่วน คือ

[ถ้าให้อธิบายจุดอ่อนตัวเอง]

ส่วน introduction –> ส่วนนำเข้าเรื่อง ก็จะอธิบายว่าจุดอ่อนมีอะไรบ้าง ควรมีอย่างน้อย 3 ข้อ

ส่วน body –> ส่วนเนื้อเรื่อง ก็ควรมีจำนวนย่อหน้าตามจำนวนจุดอ่อนนั้น แล้วอธิบายถึงจุดอ่อนของตน เหตุผลสนับสนุน หรืออาจมีวิธีแก้ไขลงไป

ส่วน conclusion –> ส่วนสรุป ก็สรุปอีกทีว่าจุดอ่อนของตนมีดังนี้นะ แต่ก็ได้รับการแก้ไขดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาอะไร ก็ว่าไป

นี่เป็นหลักการง่ายๆที่ทำยากแหะ ก็ต้องฝึกบ่อยๆนะคะ ข้าพเจ้าคิดว่าคนที่เตรียมตัวคงผ่านด่านนี้ไปได้ไม่ยากนัก

==========================================

2. Technical Skill  (1 hour) =

ตอบคำถามเฉพาะทางแล้วก็มีทั้งแบบกา และก็เขียน

แบบกาก็คิดว่าไม่ยากมากน่าจะตอบกันได้ ส่วนมากเป็นทักษะการไล่โปรแกรม คิดว่าเรียนภาษาไหนมาก็ไม่สำคัญ เพราะมันคล้ายๆกัน

ส่วนแบบเขียนก็อาจจะยากขึ้นมานิดหน่อยก็เขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาที่ตัวเองถนัดในการทำตามที่โจทย์ต้องการ เช่นการตัดช่องว่างออกจากคำมาแสดงผล แต่ที่เห็นเป็นคะแนนเยอะอยู่ก็คงเป็นเกี่ยวกับ Database ก็มีให้ดูรูปแล้วเขียน SQL ดึงข้อมูลที่ต้องการออกมา ส่วนอย่างอื่นจำไม่ค่อยได้แล้ว

==========================================

หลังสอบข้อเขียนก็มีสอบสัมภาษณ์

ก็ต้องเดินทางไปแถวๆที่ทำงานจริงๆแล้ว ก็เจอคนมากมายไปทันพอดีๆ ไม่เกร็งอะไรมาก วันนั้นก็ดูเป็นตัวของตัวเองดี ก็ใส่ชุดนักศึกษาไปให้เรียบร้อย รองเท้าคัทชู มีแต่งหน้าเล็กๆ พร้อมมัดผมให้เป็นระเบียบ เข้าเป็นคนแรกเลย ก็เจอกรรมการ 3 คน เป็นผู้หญิง 2 ชาย 1 มาจากคนละหน่วยงานกัน (รู้เนื่องจากถามตอนเค้าเปิดโอกาสให้ถาม 555)

ก็เป็นสัมภาษณ์ภาษาไทย แต่บางคนก็โดนอังกฤษไป คำถามให้ช่วงแรกๆก็จะทำให้เราไม่เกร็งเช่นเป็นใคร เรียนที่ไหนมาา เรียนอะไรมาบ้าง ทำอะไรมาบ้าง การฝึกงาน โปรเจคที่เคยทำผ่านๆมา ส่วนมากก็จะถามที่เขียนไว้ใน Resume ดังนั้นก็ต้องเขียนในสิ่งที่เป็นจริง แล้วอธิบายได้ พอถามๆเกี่ยวกับใน Resume หมด ก็จะเริ่มถามเกี่ยวกับสิ่งที่เราเคยเขียนไว้ตอนสอบข้อเขียน แล้วก็อาจมีทดสอบการสรุปใจความโดยให้อ่าน essay ที่เค้าเตรียมมาเป็นอังกฤษ แล้วพออ่านจบก็ต้องสรุปความเลย ก็ใช้เวลาคุยไปเกือบๆชั่งโมงนึงนะ คุยกันสนุกดี อย่าเครียด แล้วก็ทำกายให้พร้อมด้วย เช่นทานข้าวมา

==========================================

พอสอบเสร็จได้นานพอควร ก็ยังไม่เห็นติดต่อมา เลยไปสอบที่ Accenture ที่จริงวันนั้นพี่ hr ITONE เค้าโทรไปหาเราแต่เราปิดเสียงเพราะจะสัมภาษณ์ เลยไม่รู้ว่าได้ทำงานแล้ว

==========================================

พอพี่เค้าโทรมาอีกทีเลยได้กลายเป็นพนักงานแล้วเย้ๆ

==========================================

เข้าไปก็มีการอบรมเกี่ยวกับบริษัท แล้วก็ได้ไปเรียนบางอย่างเพิ่มเติม เรื่อยๆ เอาไว้ใช้งาน เนื่องจากได้เป็น SD เป็นคนทำระบบ ก็เลยต้องออกไปตามที่ต่างๆซึ่งเป็นที่ทำงานของลูกค้า ไปทำระบบให้ งานก็จะแล้วแต่พี่ที่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ดูความต้องการของหัวหน้าทีมแล้วจัดคนลงในทีม ก็ค่อยเป็นค่อยไปดี แล้วแต่จังหวะ ดวง และก็โอกาสของแต่ละคน มันไม่เหมือนกันนะ บางคนก็ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ บางคนก็ไม่ แต่เป็นอะไรที่สนุกดี เนื่องจากพอเปลี่ยนโปรเจค ก็เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนคนที่ทำงานด้วย เปลี่ยนงานที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าใครที่ชอบความเปลี่ยนแปลงก็น่าจะชอบ เป็นอะไรที่ท้าทายอยู่เหมือนกัน แต่บางทีก็ต้องใช้กำลังกายและกำลังใจพอควร ถ้าใครมีไม่พอก็ท้อได้ไม่ยาก ตอนนี้อยู่มาปีกว่าๆก็ได้เปลี่ยนไปประมาณ 5 โปรเจค โปรเจ็คสั้นๆก็ไม่ถึง 10 วัน ยาวๆก็หลายเดือนเลยทีเดียว เจอคนซ้ำบ้าง แต่ก็ทำให้รู้จักคนเยอะดี อืมและก็ที่นี่จะดีอย่างตรงที่ว่าถ้าเราไม่รู้นอกจากจะถาม google แล้ว เรายังสามารถถามพี่ๆคนอื่นๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้จักเลยก็ได้ ก็ดูเป็นครอบครัวดี และก็มีคล้ายสายรหัสด้วยคือมีพี่คอยดูแล ให้คำปรึกษา แล้วก็ประเมินเราด้วย ดังนั้นเราก็สามารถคุยกับพี่เค้าทั้งเรื่องงานและก็ส่วนตัว แต่ปีๆนึงก็มีคนออกไม่น้อย เนื่องจากสู้ไม่ไหว ไม่ก็ไปเรียนต่อ ไปบริษัทอื่นๆที่อาจจะดึงตัวไป ก็ทุกบริษัทก็มีข้อดี ข้อเสีย แล้วแต่ว่าเราจะเจอข้อดีของบริษัทไหนที่เหมาะสมกับเรามากกว่าบริษัทอื่นก็เท่านั้น คิดให้มากละกันนะคะ

ส่วนหน่วยงานอื่นก็จะเป็นงานอีกแบบ เช่น CS ก็จะคอยตอบคำถามลูกค้าทางโทรศัพท์ แก้ไขงานให้ในส่วนแรก ทำเท่าที่ทำได้

ส่วน AM ก็จะเป็นหน่วย support งาน หลัง SD ทำระบบเสร็จขึ้นใช้งานแล้ว หรืออาจแก้ไข เพิ่มเติมระบบไป

==========================================

เชื่อว่าคนที่อยากสอบเข้าไอทีวันคงจะหาบทความนี้เจอแล้วคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยละกัน

ความฝันสู่ความจริง จากอดีตสู่อนาคต : ภาค1 ในอดีตที่ผ่านมา D

ภาคนี้ก็เป็นภาคเด็กมหาวิทยาลัยบ้างละกัน

==========================================

น่าจะจบภาค 1 ตอนนี้นะ

==========================================

เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ภาคภาษาอังกฤษ

==========================================

ก่อนเปิดเทอมทางคณะก็มีให้ไปเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษกันทุกคนเลย เรียนกันห้องละไม่ถึง 20 ไปเป็นเดือนๆ ภาษาอังกฤษล้วนๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แต่ก็ไม่ยากเกินไปของคนเรา มีทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน ครบ อาจารย์ก็เป็นอาจารย์ที่มีความรู้ และมีความพยายามในการเข้าใจเด็ก และสอนให้เราเข้าใจได้ อาจได้เจออาจารย์ของห้องอื่นๆสลับกันไปด้วย ได้หลายสำเนียงดี ได้เจอเพื่อนๆที่จะเข้ามาเรียนด้วยกันก่อนคณะอื่นๆเค้า ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ บางที่การที่คนเราแสดงอารมณ์ออกมาเลยมันก็อาจดูน่ากลัวในตอนนั้น แต่คนที่เก็บไว้ในใจอาจน่ากลัวกว่านะ

==========================================

ก่อนเปิดเทอมอีกนั่นแหละ พี่ๆก็มาหาคนไปเต้นงาน 3 DEP ตอนนั้นยังเป็น 3 อยู่ตอนนี้มีหลายสาขาขึ้นแล้ว เป็นงานแข็งขันกีฬากันของ 3 สาขาคือ CS, Printing, Multi ก็ได้สมัครเป็นหลีดฮาไป เพราะนึกว่าเหมือนเต้นสัน แต่ที่ไหนได้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง 555 ก็เป็นหลีดกันเยอะมากเลย ซ้อมกันทุกวัน ซ้อม ข้างๆหลีดการ์ด แต่หลีดการ์ดนี่เอาจริง เอาจัง ดูเป็นระบบกว่าฝั่งพวกเรา พอควร แต่ไม่ใช่พวกเราไม่จริงจังนะ พวกเราเน้นความคิดสร้างสรรค์ มีการแต่งเพลงขึ้นมาเอง ขำๆ ฮาๆ ด้วย ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี แต่ถ้าให้ทำอีกทีก็คงไม่เอา 555 ช่วงนั้นก็เริ่มได้รับขนมจากพี่รหัสบ้างแล้ว

==========================================

เรื่องสายรหัสก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่อยู่เหมือนกัน เพราะตอนมัธยม ไม่ได้มีอะไรถึงขนาดนี้ อาจมีแค่ เป็น buddy ก็มีดูแลกัน แต่สายรหัสนี่ก็จะเป็นการเอาใจใส่กันและกันระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง ส่งต่อหนังสือ ชีส และอื่นๆมาให้ เราซึ่งก็ไม่เคยจะดูแลใครจริงๆจังๆ ก็เลยได้แต่คิดอะไรได้ก็ทำให้พี่รหัสบ้าง ส่วนน้องรหัส ก็บางทีไม่รู้จะคุยอะไรกันแหะ ก็มีให้หนังสือ ชีส ของทำเองบ้าง ดูนิสัยเป็นคนละแนวๆกัน จะว่าไปข้าพเจ้าก็ออกจะโลกส่วนตัวสูง ถึงแม้บางทีจะดูเป็นมิตรกับคนอื่นๆก็ตาม แต่จะให้ไปดูแลใครจริงๆจังๆนี่ยากแหะ แหะๆ ช่วงแรกก็ต้องตามหาก่อนว่าพี่รหัสคือใคร แต่จริงๆก็ไม่ได้สนใจมาก ถึงจะอยากรู้ก็แถอะ แต่ขนาดพี่เค้าบอกใบ้ให้มาแล้วเรายัง ไม่รู้เลย และพอถึงตัวเองเป็นพี่รหัส ก็ดันหนีน้องตัวเองซะอีก เห้อ แต่ก็ถึงขนาดทำตารางสายรหัสขึ้นมาเหมือนกัน เพื่อให้รู้ว่าใครอยู่กับใคร แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญเท่าไหรแล้ว เราอยากคุยกับพี่คนไหนน้องคนไหน เราก็คุยได้ช่วยเหลือได้ เพราะเราทุกคนต่างก็เป็นคนรู้จักกันแล้ว ใช่ไหม ตัวเองคิดว่าสายรหัสนั้นจะทำให้พี่กับน้องดูแลกันมากขึ้น แต่ยังไงถ้าเราจะดูแลคนอื่นที่ไม่ใช่สายเราก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

==========================================

การประชุมเชียร์ก็เป็นอะไรที่ใหม่ เจออะไรใหม่ๆเยอะในชีวิตมหาวิทยาลัย ครั้งแรกที่ประชุม ก็ต้องไปขานชื่อตัวเองก็โดนทำไปตั้งหลายที คือเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นดี มีการกดดันในรูปแบบต่างๆของรุ่นพี่ปี 3 ก็ไม่ได้ซีเรียจอะไรมาก คิดว่าก็ไม่ได้เลวร้าย ทำให้เราฝึกในด้านจิตใจ ได้รู้จักการเอาใจใส่เพื่อนๆ การเคารพรุ่นพี่ การเชื่อฟัง การลงทุนเพื่อให้ได้มาของบางสิ่ง

ก็มีไปนอกสถานที่ด้วยได้เจออะไรที่ดูจริงจังขึ้น เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ รักเพื่อนมากขึ้น เห็นอารมณ์ของคนมากขึ้น ได้ใช้อารมณ์ออกมามากขึ้นด้วย การช่วยเหลือกันและกัน ฟ้าหลังฝน มีการเขียนสมุดความในใจของเพื่อนๆ พี่ๆ และได้ไปปลูกป่ากันแถวบ้านเราด้วย 555

ก็เป็นความทรงจำที่ดีอย่างนึงละนะ

==========================================

ปี 1,2 ก็ได้ทำกิจกรรมเยอะมากหนึ่งในนั่นคือค่าย JPC

ปีแรกไม่ได้ช่วยไรมาก แต่พอปี 2 เนื่องจากน้องคนไม่พอก็เลยช่วยดูแลในส่วนของหอหญิงให้ ปีนั้นไปจัดกันที่บางขุนเทียนด้วย แหอะๆ ก็ได้อยู่หอที่นั้น ก็อาจมีเรื่องราวเกี่ยวกับผี สางมาเกี่ยวบ้าง แต่ก็ไม่มากและมันก็ผ่านไปแล้ว ก็ได้สนิทกับน้องๆมากขึ้น เกือบได้หลงทางไปไหนไม่รู้จากคนขับรถที่ไม่ชินทาง กิจกรรมก็สนุกดี มีเล่นกับน้ำบ้างขำๆ แต่ส่วนมากจะเปียกกัน สนุกดี

==========================================

ฝ่ายเอกสารของรุ่นก็เป็นอีกหน้าที่นึงที่ได้ทำ และอาจพ่วงด้วยเหรัญญิก ก็เป็นการออกกำลังที่ดีทีเดียว วิ่งไปถ่ายเอกสาร แบบชีสมาให้เพื่อน แจก เก็บตัง ทำเป็นระบบระเบียบไป ก็ออกกำลังดี

==========================================

ได้เป็นฝ่ายโพสข่าวของ pr มหาลัยอยู่ช่วงนึง

==========================================

ทำทุนทำงานกับพี่ๆพนักงานประจำภาค ได้ใช้ไอเดียสร้างสรรค์ ทักษะด้านคารม การประสานงานต่างๆ แปลกใหม่ดี เป็นงานที่ทำให้ต้องพบคนเยอะขึ้นพอควรเป็นหน่วยจัดหาคนไปงานต่างๆด้วย

==========================================

ได้เจอเพื่อนที่เก่งๆ เกรียนๆ ฮาๆ  คนที่ลาออกไปเพราะคนพบตัวเองดีขึ้น เจอคนหลากหลายจริงๆ แต่ก็ไม่มีใครที่นิสัยเลวร้ายเลย ถือว่าโชคดี

==========================================

งานบายเนียร์ก็เป็นงานที่จัดให้พี่ๆที่กำลังจะจบ ก็มีการแสดงของทุกชั้นปี ขำๆ ฮาๆ ซึ้งๆกันไป บางปีก็ร่วมแสดงกับเพื่อนๆอยู่เหมือนกัน ฮาดี

==========================================

CS-DAY-NIGHT ก็เป็นงานกีฬาภายใน ของ CS ทั้งจบไปแล้วและยังไม่จบ ช่วงเช้า ถึง บ่ายก็จะเป็นการแข่ง กีฬา กับกิจกรรมฮาเฮ ฟุตบอลดูจะเป็นจริงเป็นจังดีมีชุดทีม แจกรางวัลกันมากมายทีเดียว ช่วงเย็นก็เป็นการทานอาหารร่วมกัน พร้อมการแสดงดนตรีของหลายๆวงที่รวมทีมกันมา เจ๋งดีนะ

==========================================

การประกวดเฟรชชี่ boy & girl รุ่นเราก็ได้ส่งสาวสวย กับหนุ่มหล่อไป สาวสวยของเราถูกใจผู้ชมจึงได้ตำแหน่งไป สาวภาคนี้สวยๆเยอะ 555 ข้าเจ้าก็เป็นสาวภาคนี้นะ อิอิ

==========================================

ชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นอะไรที่สนุก และมีสิ่งต่างๆมากมาย ควรเก็บเอาความทรงจำเหล่านี้ไว้ให้นานแสนนาน

ความฝันสู่ความจริง จากอดีตสู่อนาคต : ภาค1 ในอดีตที่ผ่านมา C

เนื่องจากอดีตมีหลายสิ่งผ่านเข้ามา บางคนบอกให้ลืมเรื่องที่ไม่ดีมันไปซะ แต่เราคิดว่าจำไว้ เตือนใจตัวเองก็ไม่เลว เอาไว้ให้ปรับปรุง เรื่องดีๆก็ควรจะยิ่งจำเอาไว้ แล้วทำให้มันเกิดขึ้นใหม่ ทุกคนทำได้

==========================================

ตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 3 แล้วของภาคอดีต เยอะเนอะ ก็ตั้ง 20 กว่าปีนิ

เข้าเรื่องการเข้าค่ายที่เปลี่ยนชีวิตเราไปพอควรเลยดีกว่า

==========================================

ค่ายนี้คือค่าย 2B-KMUTT

==========================================

เป็นค่ายที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เข้าไปลองทำวิจัยจริงๆ ในมหาวิทยาลัย

ซึ่งที่ปรึกษา เครื่องมีเครื่องใช้ก็เป็นของทางมหาวิทยาลัย

ได้เริ่มเข้าค่ายนี้ตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆ จนไปเป็นพี่เลี้ยงมา 4-5 รุ่น ตอนแรกก็กลัวๆ ได้เจอเพื่อนมากมาย

==========================================

มีความสุข ได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่นการเต้น การสืบสวน การเป็นหัวหน้า การทำงานเป็นทีม การใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่นๆ การไกล่เกลี่ย การอยู่หอ การสันทนาการ งานวิชาการ และอื่นๆอีกมากมาย

==========================================

งานวิชาการนี่ก็ทำให้เข้าใจคำว่างานวิจัยคืออะไร ได้สร้างงานวิจัยออกมา ได้เห็นงานวิจัยคนอื่นๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ฝึกการนำเสนอ และ ได้ประสบการณ์จริงๆ

==========================================

เรื่องเต้นนี่ก็ตอนแรกพี่ๆเค้าเต้นกัน เราก็นิ่ง นั่งไม่ขยับ จนคนลุกขึ้นเต้นหมด เราก็ยังไม่ขยับ แต่พออยู่ไปนานขึ้นๆ จากเด็กที่ไม่กล้า ก็เริ่มเต้น และกลายเป็นคนนำเต้นจนได้ คอยส่งท่าให้ มันส์ดี 555 เลยเคยลองตีกลอง แต่คิดว่าไม่ใช่แนว เต้นดีกว่าเนอะ

==========================================

เรื่องการสืบสวน ก็เนื่องจากค่ายที่มีเด็ก 200-300 คน ก็เป็นไปได้ยากที่จะมีแต่คนดี บางทีก็เจอคนไม่ดีอยู่บ้าง ก็เกิดเหตุการณ์ ที่มีของหายเกิดขึ้นในห้องพัก ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แจ้งอาจารย์ แล้วก็ทำการสืบสวนกับพี่ๆด้วย ตอนนั้นเหมือนอยู่ในนิยายนักสืบ รวบรวมหลักฐาน สอบถามพยานปากต่างๆทั้งแบบอ่อน และแบบแข็ง มีการดูกล้องวงจรปิด โอวมากมาย ถึงจะยังไม่รู้ตัวคนผิดที่แท้จริง (แต่มีบางอย่างทำให้รู้ว่าคนผิดคือใคร) แต่ก็ยังดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในเวลาต่อๆมา

==========================================

ส่วนในเรื่องการเป็นหัวหน้า ที่จริงตัวเองก็เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงอยู่ เคยผ่านการเป็นหัวหน้าห้องมาก็มีอยู่บ้างที่บางทีคิดว่าตัวเองทำถูก แต่ถ้าคนอื่นๆไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจยังคงทำ ซึ่งหลังจากได้มาเป็น head ก็รับฟังความคิดเห็นผู้อื่นมากขึ้น ใจเย็นขึ้น บางครั้งก็มีคิดบ้างว่าเราทำอย่างนี้ จะถูกไหม หรือเราทำผิดหว่า เราพยายามไม่คิดมาก แล้วก็คิดทำให้ดีที่สุด เป็นสิ่งที่ภูมิใจครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้ ขอบคุณน้องๆทุกคนที่ร่วมงานกันมา และก็สนับสนุนจริงๆ

==========================================

การที่คนเราทำอะไรเพื่อบุคคลอื่น ก็จะเกิดความสุขแก่ตัวเองไปด้วย

และถ้าเราทำอะไรเพื่อตัวเองแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่น ถ้าชอบก็ทำไป

แต่ถ้าทำอะไรให้ตัวเองแล้วส่งผลต่อผู้อื่นในทางที่ไม่ดี บางทีคุณก็รู้ คุณก็อาจจะคิดว่าตัวเองผิด แต่ทำเป็นไม่สนใจ นานๆไปก็ชิน แท้จริงแล้วลึกคุณก็ไม่มีความสุขได้อย่างเต็มที่หรอกจริงไหม

แต่ก็มีอีกกรณีคือคนที่ทำอะไรแล้วไม่รู้ว่าคนอื่นได้รับผลไม่ดี ก็เลยทำไป อันนี้ต้องทำให้เค้ารู้ให้เค้าเข้าใจเอง เค้าได้เลิก ไม่งั้นเค้าก็จะคิดว่าดีและทำต่อไป เหตุผลมีอยู่เสมอ ใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์ก็พอ

ความฝันสู่ความจริง จากอดีตสู่อนาคต : ภาค1 ในอดีตที่ผ่านมา B

ต่อจาก  ความฝันสู่ความจริง จากอดีตสู่อนาคต : ภาค1 ในอดีตที่ผ่านมา A 

.
ความทรงจำสมัยมัธยม

โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย หก ปีรวด

มีการแบ่งสีของแต่ละห้อง รู้สึกจะเคยอยู่สีเหลือง (ม.1,2) แดง (ม.3) เขียว(4-6) สีจราจรเลย เนอะ

ก็เป็นเด็กดี อิอิ ตัดผมตามระเบียบตลอด จนบางทีขี้เกียจไปตัดทุกเดือนเลย บอกช่างว่า ครึ่งหูเลยพี่ ก็ใช้ได้ประมาณสองเดือน 555 แล้วค่อยตัดใหม่ แต่ก็ยังมีคนถามได้ทุกปี ว่าทำไมตัดสั้นจัง ก็ชอบบอกไปว่าร้อน ทั้งๆที่จริงจะประหยัดตัง และขี้เกียจไปตัดบ่อยๆ 555

เป็นเหรัญญิกห้องด้วย เพราะเป็นคนประหยัด อันนี้อาจไม่เกี่ยว แต่เพื่อนๆ คงเห็นว่าไว้วางใจได้มั่ง อิอิ

ชอบช่วยเหลือคุณครู ยกไมค์ ยกชีส คล้ายๆเป็นเบ้ห้อง แต่ก็ชอบนะ ออกกำลังดี

ชอบทำตามระเบียบ เมื่อเห็นเพื่อนๆจะทำผิดระเบียบ เราก็พยายามห้ามก่อน แต่ถ้าหมู่มากเราก็โอนอ่อนตาม (คนเราบางครั้งก็ต้องปรับตัว 555)

ตอนแรกอยู่ห้องเจ็ด สองปี จะเป็นห้องบ๋วยๆ มั่งจำไม่ได้ แต่เราก็คะแนนพอใช้ละนะ

มีเพื่อนในห้องได้ฉายาว่าเจ็ดนรกด้วย อาจดูเกเรๆไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำไม่ดีกับเราดังนั้นเราก็คิดว่ายังเป็นเพื่อนเราอยู่นะ อาจมีแซวๆบ้าง แต่ไม่ถือสา โกรธคนยาก

เคยแย่งกับเพื่อนนั่งหน้า เพราะนั่งหลังเราไม่เห็น จนทะเลาะกัน แต่ไปๆมาๆก็เพื่อนกันละนะ

พอตัดแว่นใส่แล้วรู้สึกได้ว่าคะแนนดีขึ้นอาจเป็นเพราะมองเห็นกระดานขึ้น สายตาสั้นแต่เด็กแหอะๆสงสัยเพราะเล่นคอมมาก

ตอนเด็กๆเป็นคนอารมณ์ร้อนมากกกเลยทีเดียว เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีกว่าเด็ก

เป็นคนพูดมาก พูดให้คนหลง (ทาง)ได้ มีอยู่ครั้งนึงก็ไม่ต่อแถวเพื่อสมัครเรียนพิเศษตอนเย็นที่โรงเรียน ก็ยืนคุยกับเพื่อนอยู่ แต่เพื่อนของเพื่อนมาด่าเราเฉย เราก็งง และรู้สึกไม่ถูกชะตาขึ้นมาทันที ขัดคอคนกำลังคุยสินะ เราเลยไม่ต่อแถวแล้วไปเรียนเลย เพราะใกล้ได้เวลาเรียนแล้วด้วย คงสมัครเรียนพิเศษไม่ทัน ค่อยสมัครทีหลัง เป็นคนเดียวที่เรายังรู้สึกไม่ชอบหน้าจนมาบัดนี้ แต่เริ่มปล่อยวางได้แล้วละ ผ่านมานาน เวลาแก้ไขทุกสิ่ง

มีงานโรงเรียนสนุกมาก จัดโดยให้ทุกห้องจัดกิจกรรมกันเอง เป็นอะไรที่จำได้ไม่ลืม แต่มีอยู่ปีเดียวเอง หลังจากนั้นไม่จัดเลย เปลี่ยนเป็นกิจกรรมอื่นแทน

ถ้าถึงวันครบรอบโรงเรียนจะมีการเลี้ยงขนมนักเรียน โดยจัดเป็นซุ้มๆ สุขใจกันไปเลย

บะหมี่หมูกรอบอร่อย

เคยทะเลาะกับเพื่อน จนไม่พูดกันเป็นหลายเดือน แต่หลังจากนั้นกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกัน

มีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มหนึ่งเรียกตัวเองว่ากลุ่มเด็กแว่น อ่านการ์ตูน y กันหมด แต่เราเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต 55 ข้าพเจ้าชอบการ์ตูนทั่วไปมากกว่า

เคยไปแข่งเชียร์กีฬาอะไรไม่รู้ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง

เคยเป็นตัวแทนโชว์เรื่องการไหว้ในงานโรงเรียน

=============================================================

เคยเป็นหัวหน้าห้องด้วยมีเพื่อนคนนึง เชียร์ให้เป็น (หลังจากนั้นเพื่อนคนนั้นออกไปเรียนเป็นทหารแต่ก็ยังคงแวะวาเยื่ยมเยือนเสมอๆ) คนอื่นๆเลยเห็นด้วย ยกให้เป็น ซึ่งตอนนั้นเป็นแทนเพื่อนคนนึง เพราะอาจารย์อยากให้เปลี่ยน แต่บางครั้งเราก็อาจทำอะไรไม่ถูกบ้าง บางทีอยากทำดี แต่เพื่อนเข้าใจผิดไปก็เลยมีบางช่วงท้อๆอยู่ และก็มีบางทีที่ตัวเองก็หลงผิดอยู่เหมือนกัน

เคยพาห้องได้รางวัลชนะเลิศประกวดบอร์ด แต่เพื่อนๆก็น่ารักกันมากช่วยกันดี ทำให้พวกเราได้รางวัล

เคยไปแข่งคอมได้รางวัลมาแบบฟลุกๆ ตอนแรก เพื่อนจะไป เลยชวน เราไม่มีคู่เลยชวนเพื่อนอีกคนไปด้วย ไปกันสี่คน ก็ไปอบรมในช่วงเช้าแล้วช่วงบ่ายแข่งรู้สึกจะไปโรงเรียนชายล้วน โรงเรียนอื่นๆ มีคนไปเชียร์เพียบเลย ที่จริงจะว่าโชคช่วยก็ไม่ปาน เพราะการแข่งรอบสุดท้ายเป็นการแข่งเติมหมึกเครื่องพิมพ์ ซึ่งเราแย่งที่เติมแบบเข็มไม่ทัน เลยได้แบบหยดหมึกมา ซึ่งง่ายกว่า ทำให้ชนะมาได้ แต่ก็เกือนได้ที่สองมาเหมือนกัน วันนั้นไปกันสี่คน ครูทิ้งไว้ แต่ได้รางวัลกลับมาทุกคน ที่หนึ่งเป็นของเจ้าภาพ แต่ก็สงสารน้องๆโรงเรียนอื่นอยู่เหมือนกันที่มากันเยอะแล้วไม่ได้รางวัลอะไรไปเลย เราไปกันสี่คนได้รางวัลมาทุกคน

วันนั้นมีกิจกรรมระหว่างรอถามหาเหรียญห้าที่เก่าที่สุด ปรากฏว่ามีในกระเป๋าเรา เราเลยได้เกมอุลต้าแมนมาด้วย

หลังจากนั้นเราก็ได้ไปแข่งอีกที่สนุกดี แต่ไม่ไหวสู้น้องๆไม่ได้ อันนั้นเค้าเขียนโปรแกรมแบบเซียนแล้ว เรายังเขียนไม่เป็นเลย มีแบบใช้พลังพิเศษโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยเช่น ให้เอาผ้ามาคลุมหัว 30 วิ, ใส่ถึงมือ และอื่นๆ ขำๆ อันนี้ ครูอยู่ด้วยไม่หนีไปไหนแล้ว แต่ไม่ได้อะไรกลับมา 555 เปิดหูเปิดตา

เคยเรียนคอมโดยเป็นผุ้หญิงอยู่สองคนท่ามกลางผู้ชายที่สมัครมาจำนวนมาก

เคยไปกับเพื่อนไปมอบรางวัลที่โรงเรียนอื่นด้วย เพื่อนบอกจะไปเจออาจารย์ชื่อพายุเราก็เชื่อ เกือบเรียกชื่อครู ไปอย่างนั้นแล้วจนเพื่อนเฉลยก่อน ว่าที่จริงชื่อ ยุพา แต่เป็นฝ่ายปกครองที่เด็กต่างพากันเรียกชื่อนี้

ได้เป็นประธานชุมนุมสังคมสงเคาระห์ โดยตั้งใจไปสมัครชุมนุมเอง และเพื่อนๆ น้องๆ ยกให้เป็นประธาน ทำให้ได้ทำงานแปลกๆมากมาย ที่ไม่เคยทำเช่น จัดบอร์ด ไปงานรวมตัวคนต่อต้านยาเสพติด ทำหนังต่อต้านยาเสพติด (ได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ และ นักแสดงประกอบ) และอื่นๆ

ตอนใกล้ๆจบจากโรงเรียนมีข้าวมันไก่ร้านใหม่มาตั้งอร่อยมาก

มีก๋วยเตี๋ยวแกงอร่อยด้วย อาหารอร่อยหลายอย่าง

ช่วยเพื่อนหาเสียง ก็มีทั้งคนสมหวัง กับไม่สมหวังไป ก็สนิทกับเพื่อนๆมากขึ้น

อยู่ห้องที่ได้เป็นประธานสีเขียว และปีนั้นสีเขียวได้รางวัลเยอะมาก จนเป็นแชมป์ เราอยู่ฝ่ายจัดหาคนมาแข่งเบญจภาคีของสี ซึ่งน้องก็ทำได้ดี เป็นการแข่งทางวิชาการ ซึ่งน้องๆหลายคนหลังจากนั้น ได้ไปเรียนเตรียมอุดม หรือไม่ก็ห้องคิง ไม่ก็เป็นหมอ เก่งจังแหะ เด็กพวกนี้

ทำซีดีรวบรวมคำพูดให้เพื่อนๆด้วย แต่ของตัวเองกลับหายไป เซง อยากเอากลับมาดูจัง

ถ้าเข้าโรงยิมไปบางช่วงจะเหมือนอยู่ในสงคราม เพราะลูกบอลสามารถพุ่งมาใส่คุณได้ทุกเมื่อ

เคยรับเสด็จ ในโครงการ 2b number 1

เคยเข้าชุมนุมเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ที่มีแต่พี่ๆเรียนอยู่ ได้พบศิลปะที่มาจากคณิตศาสตร์แล้วชอบมาก มีอยู่วันหนึ่ง จะไปเข้าคาบชุมนุมตามปกติ ก็เปิดเข้าห้องไป ปรากฎว่าวันนั้น มีนายกขณะ ซึ่งก็คือ นายกทักษินสอนอยู่ด้วย เราเลยวิ่งหนีมาแบบงงๆ ห้องมันปิดอยู่เลยไม่เห็นข้างใน เค้ากำลังถ่ายวีดีโอกันอยู่ แหอะๆ วันนั้นเลยฟรีไปชิวๆ เดินเล่นๆ

เคยปวดห้องน้ำ(ปวดหนักด้วย)อยู่กลางสนาม แต่แบบวันนั้นมีงานโรงเรียนอะไรไม่รู้นานมาก ทรมานจริงๆ

เคยเรียนกับครูลิลลี่ด้วย น่ารักดี

=============================================================

ยังมีต่อๆ ต่อไปเล่าถึงช่วงเข้าค่ายที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันไป ละกันเนอะ

 

 

 

 

ความฝันสู่ความจริง จากอดีตสู่อนาคต : ภาค1 ในอดีตที่ผ่านมา A

ณ เวลา เก้าโมงกว่าๆ ของวันศุกร์ ที่ สองแปด เดือนที่ เจ็ด ปีที่ดี
.
เด็ก ญ หน้าตา น่ารัก ตัวเล็กๆได้ถือกำเนิดขึ้น อิอิ
.
จำได้ว่าตอนเด็กๆ เปลี่ยนโรงเรียนบ่อยอยู่เลยจะเล่าวีรกรรมที่โรงเรียนที่ได้เกิดขึ้นในชีวิต
.

.
ความทรงจำตอนอนุบาล

ถ้าให้นึกช่างเลือนลางเสียเหลือเกิน แต่ก็จำได้ว่าอยู่ อนุบาลดารวี กับ อนุบาลอีกที่ ที่จำชื่อไม่ได้แล้ว สงสัยต้องไปถามแม่ 555 ยังไม่ได้สร้างวีรกรรมอะไรมากนัก แต่แม่เล่าว่า ร้องไห้เก่ง และเสียงดัง งอแงเป็นที่สุด

เคยออกทีวีด้วย แข่งเกมโชว์ไปกับเด็กๆแถวบ้าน รายการของเด็กได้ของเล่นกลับมาด้วย
.

.
ความทรงจำในวัยประถม ชัดเจนขึ้นมากหน่อย เข้าเรียนประมาณ สองที่

ที่แรกก็คงเป็นโรงเรียนภาษานุสรณ์ บางแค

จำได้ว่าตอนเด็ก เคยเล่นการ์ดกับเพื่อนๆ ระหว่างรอแม่เพราะแม่มารับช้าหน่อยเพราะทำงาน เมื่อก่อนขนมมันจะมีแถมการ์ด เพื่อเอาไปสะสมให้ครบเล่ม แล้วแลกของรางวัล เด็กๆก็เก็บกันสนุก มีเล่นโดยใช้นิ้วกดไปที่การ์ดถ้าทับการ์ดเพื่อนได้ก็ได้การ์ดของเพื่อนๆไป ในตอนนั้นที่โรงเรียนไม่ให้เล่น เด็กๆก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่พอโตขึ้น มันก็คล้ายๆกับการพนันอย่างนึงแหละนะ แต่ด้วยวัยตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงแอบเล่นกับเพื่อนๆ และก็เสียค่าขนมไปเยอะอยู่ จำได้ว่าเป็นขนมกล่องเหลืองๆ ขนมเป็นเม็ดๆกลมๆ มั่ง สนแต่ของแถม ในตอนเด็กนั้น เนื่องจากครูไม่ให้เล่น พอครูจะมาจับเราก็แอบเข้าไป ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำรอสักพักแล้วก็ออกมา ที่จริงแม่เราก็คงไม่รู้ เพราะเราซ่อนการ์ดไว้หลังเปียโน แต่พอจะย้ายบ้าน เราก็เกิดกลัวขึ้นมา เลยเอาไปทิ้งหมดเลย เสียดายมากๆ ได้ตั้งสูงกว่าไม้บรรทัดฟุตแล้วด้วย ตอนนี้ยังคงงงอยู่ว่าทิ้งไปทำไม อาจเพราะเยอะเกิน เหอะๆ จำไม่ได้ละ

มีอยู่ครั้งนึงแม่มารับช้ามากก โรงเรียนก็เลยจะให้ขึ้นรถโรงเรียนไป แต่แม่มารับพอดี มันเป็นอะไรที่ยากแก่การลืม ซึ้งๆ เหมือนพระมาโปรดอะไรประมาณนี้ ตอนนั้นรู้สึกว่าจะร้องไห้เพราะไม่อยากนั่งรถโรงเรียนกลับบ้าน เพราะเราไม่รู้จักใครเลยละมั่ง พอแม่มาเลยดีใจ

มีปลาราดพริกอร่อยมาก ขายไม่แพงสำหรับเด็ก

ตอนเด็กๆแยก เส้นหมี่ กับบะหมี่ไม่ออก เวลาสั่งก๋วยเตี๋ยวชอบสั่งผิด

.

ที่สองโรงเรียนขจรโรจน์วิทยา

ไปช่วงแรกๆ ก็ไปนั่งข้างเพื่อนคนนึง ไปๆมาๆทะเลาะกันหนักมากจนแทงกัน โอว ดูร้ายแรงเนอะ เอาดินสอแทงใส่กันอะนะ โดนกันไปคนละที ตอนนั้นเป็นคนไม่ยอมใคร จำเหตุการณ์ก่อนหน้าและเพื่อนคนนั้นไม่ได้และ รอยที่ดินสอก็หายไปแล้ว แต่จำได้ว่าที่น่อง เด็กๆก็โกรธกันไม่นานหรอก อืมๆ

เป็นโรงเรียนที่ได้เจอทั้งเพื่อน พุทธ คริตส์ และ อิสลาม

ต้องท่องศัพท์ และ สูตรคูณ ทุกวัน ท่องไม่ได้โดนตี ถ้าโชคไม่ดีก็จะเจอกับครูใหญ่ตัวเป็นๆ แต่ยังไม่เคยเจอเลยแหะ ได้ข่าวแค่ว่าดุมาก ตีเจ็บ ถือว่าโชคดีสินะ แต่ก็นึกขอบคุณ ที่ให้ท่องเพราะเป็นประโยชน์ในตอนโตมากๆ

ได้เล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่เป็นขนม วิ่ง กระโดดๆ อะไรไม่รู้ แต่รู้ว่าสนุกมากและหาเล่นอีกไม่ได้แล้ว อยากเล่นอีกจัง

เคยโยนหนังสือลงไปบนโต๊ะแล้วครูตีเลยร้องไห้ไม่หยุดไปเกือบครึ่งวัน เพราะไม่รู้ว่าครูจะตีไปทำไม เราก็เหมือนแค่เอาหนังสืออกมาวาง เราก็เลยร้องไห้ยาวเลย แต่มีอาจารย์อีกคนเดินเข้ามาคุยด้วยดีๆ แต่เราก็ยังไม่ดีด้วย และวันนั้นเป็นวันสอบด้วย ทำข้อสอบพร้อมน้ำตาจริงๆ วันต่อมาพอหายก็ไปขอโทษคุณครู และเป็นปีที่คะแนนสอบได้น้อย พอควร (ใครจะไปมีสมาธิทำละเนอะ)

เคยเจออีกัวน่าที่โรงเรียนด้วย

ตอนเรียนลูกเสือ เนตรนารี สนุกดี ตอนนั้นเคยเดินในกิจกรรมของโรงเรียน เดินเป็นหมู่ๆ รู้สึกว่าเยอะมาก พอถึงที่หมายนี่ดีใจสุดๆถึงกับตะโกนออกมา

ตอนเข้าค่าย อ จะให้นอนเร็ว เราก็นอนทันที เพือนเราพอเห็นว่าเราหลับตาก็นึกว่าเราหลับเลยบอกว่า เราหลับเร็วทั้งๆที่จริงเราแค่หลับตา ครูจะมาตรวจโดยใช้ไฟส่องหน้าเด็กๆ เราก็นอนนิ่งๆ เนียนๆไปสักพักก็หลับไปเอง

ได้เรียนรำไทยด้วย มีร้อยมาลัยด้วย สนุกดีนะ หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าข้าพเจ้าเคยรำมาก่อน 555

ชอบการแปรขบวนรู้สึกสนุกและเป็นระเบียบดี

มีไก่ทอดอร่อย ชอบซื้อมาหนึ่งชิ้น แล้วราดน้ำปลาพริกมะนาว ขลุกข้าว เป็นอะไรที่กินได้ไม่เคยเบื่อ

มีเพื่อนสนิทชื่อแก้ว ซึ่งไปๆมาๆก็เจอกันโดยบังเอิญที่มหาวิทยาลัยด้วยแหละ แต่ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยแหะ เจอแค่แว็บๆ

เพื่อนสนิทอีกคนชื่อลลิตาก็เคยเจอแบบบังเอิญเช่นกัน เป็นสาวอิสลาม ตาโต ฟันเกนิดๆ

เคยแข่งกับเพื่อนลอกข้อความบนกระดาน เมื่อก่อนฝึกสกิลนี้ไว้ โดยสามารถลอกได้โดยไม่มองกระดาษแล้วไม่เบี้ยว มันเจ๋งๆนะ แต่ตอนนี้ความเร็วตกและเรื่องเขียน แต่มาพิมพ์เร็วแทน

.

ท่าจะยาวกว่าที่คิด ขอแบ่งตอนดีกว่านะคะ ^^

15032012: ความฝันสู่ความจริง (เกริ่นนำ)

เรื่อง ความฝันสู่ความจริง จากอดีตสู่อนาคต แนวชีวประวัติของข้าพเจ้าเอง

เกริ่นนำ

คนเราต้องมีความฝัน ถึงมีแรงในการมีชีวิต

ถ้าคนเราละทิ้งความฝัน ก็เหมือนละทิ้งชีวิตตน

บางคนอาจจมอยู่แต่ในความฝัน โดยไม่ก้าวเดินหน้าเพื่อทำให้ความฝันเป็นจริง

นั้นเป็นเรื่องน่าเสียดาย….

ความฝัน เมื่อเป็นความจริงขึ้นมา หัวใจของเราคงพองโต

เรามาทำให้หัวใจของเราคงพองโตไปด้วยกันเถอะ ^_^

คิดไว้คร่าวๆได้ 5 ภาค [ตอนแรกกะเขียนตอนเดียว ไปๆมาๆ ก็คงได้ประมาณนี้]

ภาค1 ในอดีตที่ผ่านมา

ภาค 2 ปัจจุบันที่เป็นอยู่

ภาค 3 อนาคตที่ฝันไว้ – ว่าด้วยเรื่องสิ่งที่ตัวเองสนใจ

ภาค 4 อนาคตที่ฝันไว้ – สิ่งที่ตัวเองอยากเป็น

ภาค 5 อนาคตที่ฝันไว้ – แผนนำความฝันสู่ความเป็นจริง

ผู้แต่ง ณัฐชา มีทอง