Archive for the ‘ สุขภาพ ’ Category

ราคามาตราฐานสำหรับ การรักษาฟัน

เนื่องจากช่วงนี้ไปหาหมอฟันบ่อย จนจะซี้กันแล้ว แหะๆ เราเลยคิดอยากรู้ว่า ที่เราไปหาหมอในทุกวันนี้ เราจ่ายแพงไปไหม ราคาปกติทั่วไป หรือมาตราฐานควรเป็นเท่าไร ได้ไม่ถูกเอาเปรียบ

====================================================

ข้าพเจ้าจึงได้ไปเจอเว็บนึง เป็นเว็บของทันตแพทย์สภา ซึ่งบอกราคาการรักษาฟัน หลายๆแบบไว้

ก็เข้าไปดูกันได้ที่

http://www.dentalcouncil.or.th/member/compare_price.php

ก็เอาไว้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ในระดับนึง

====================================================

ส่วนใครที่หาร้านทันตกรรมแถวบ้านแต่ไปรู้จะทำที่ไหนก็ลองดู ข้อมูลคลีนิคได้ แต่บางที่ก็ไม่ทำฟันนะ ต้องโทรไปสอบถามดูเอาด้วย

http://www.dentalcouncil.or.th/member/clinic_search.php

====================================================

ส่วนใครมีประกันสังคมก็จะมีสิทธิ์เบิกได้ตามรายละเอียดในนี้ ซึ่งก็อาจสอบถามทางคลีนิคเพิ่มเติมได้เช่นกัน

http://www.sso.go.th/wprp/ayutthaya/content.jsp?id=4139&cat=676&lang=th

====================================================

หวังว่าคงเป็นประโยชน์นะคะ

เมื่อข้าพเจ้า ท้องเสีย

ท้องเสียก็คือ การที่เราถ่ายบ่อยมากใน 1 วัน เช่นมากกว่า 3 ครั้ง ซึ่งจากการหาข้อมูลมา อาจแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง

====================================================

ที่เราเป็นอาจเป็นแบบเฉียบพลัน เพราะเป็นวันเดียวหนักๆ ถ้าเป็นบ่อยๆ ต่อเนื่องๆ น่าจะเรื้อรัง

====================================================

เนื่องจากวันนั้นถ่ายไปมากกว่า 6 ครั้งแล้ว เป็นน้ำๆ สีเหลืองๆ ด้วย ตอนนั้นกินน้ำเกลือไปก็ยังไม่หาย พี่ที่ทำงานบอกไปหาหมอซะ เราก็เลยตัดสินใจไปหาหมอ ไปแบบโทรมๆ แต่พอไปหาหมอกลับไม่มีอาการแล้วแหะ คงใกล้จะหาย

====================================================

พอถึงคิว หมอก็ถามอาการ และก็บอกมาว่าน่าจะได้รับเชื้ออะไรเข้าไปสักอย่าง ทำให้เป็นขึ้นมา ส่วนมากถ้าได้รับเชื้อ ต้องแสดงอาการภายใน 12 ชั่วโมง (ตอนแรกนึกว่าเป็นเพราะไปกิน บุพเฟ่ มา พี่อีกคนนึงเข้าโรงบาลเลย เราเล่าให้หมอฟัง หมอบอกไม่ใช่หรอกเพราะผ่านมานานแล้ว ตอนนั้นไปกินวันพฤหัส ตอนที่เราท้องเสียคือวันเสาร์ และก็อีกทีวันพุธแบบหนักๆ)

====================================================

อาหารที่กินได้ช่วงท้องเสีย ที่หมอบอกมาคือ อาหารอ่อนๆ พวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต อาหารรสไม่จัด และควรเคี้ยวให้ละเอียดๆด้วย

อาหารที่ไม่ควรกินคือ พวกนมทั้งหลาย

====================================================

เราก็เลยถามหมอไปว่าแล้วพวก Yogurt ทานได้ไหม เพราะเห็นอ่านๆเจอว่ามันมีพวก จุลินซีย์ที่มีชีวิต อาจช่วยในระบบขับถ่าย หมอก็บอกว่าได้ แต่ก็ไม่ควรเยอะเพราะร่างกายย่อยยังไม่ค่อยดี

====================================================

หลังจากนั้นก็รอรับยา สิ่งที่ได้มามี

1. น้ำเกลือหลายซองเลยรส สัปปะรดด้วย แปลกดี ปกติได้แต่รสส้ม (วันนั้นหมอบอกให้กินไปก่อน 2 ซอง ทานเรื่อยๆ)

2. ยาฆ่าเชื้อ Cifloxin 500 mg 6 เม็ด หมอบอกให้ทานให้ครบ (แต่เราเกิดเหตุให้ทานไม่ครบแหะ และทานยาเม็ดได้ยากมากด้วย เลยทานไปได้แค่สองเม็ด กลัวเชื้อดื้อยาเหมือนกัน แต่ไหนๆก็หยุดไปแล้วเลยไม่ได้ทานต่อ)

3. เป็นยาเม็ดดำๆ Ultracarbon น่าจะเอาไว้ดูดสารพิษ เนื่องจากเม็ดใหญ่ แล้วเริ่มรู้สึกว่าหายดีแล้วก็เลยไม่ทาน เพราะหมอบอกว่า อันนี้เอาไว้ทำให้ถ่ายเป็นก้อนขึ้น

4. ยาแก้ปวดท้อง Buscopan หมอให้มาเพื่อมีอาการปวดท้อง แบบ บิดๆลำไส้ ได้ทานแก้ ซึ่งเราก็ไม่ปวดท้องเลยไม่ได้ทาน

====================================================

ถ้าเป็นไม่มาก คือ มีอาการแค่ท้องเสีย เฉยๆไม่มีอาการอื่น ก็อาจไปหาร้านยาแถวบ้านได้ให้เภสัชกรช่วยแนะนำ คงช่วยได้ระดับนึง

แต่ถ้าเป็นมาก เช่นท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ สีอุจาระแปลกๆ เช่นมีมูก สีแดงๆ ด้วย ควรหาหมอเลย อาจเสียชีวิตได้เนื่องจากการขาดน้ำ ช็อก

====================================================

ตอนหลังๆมานี่ก็เริ่มทำอะไรให้สะอาดๆขึ้น เช่นล้างมือบ่อยๆ งดนม (ที่ชอบดื่ม) ชั่วคราวไปก่อน อาจแพ้แหะ

ยังไงก็อยากเห็นทุกคนสุขภาพดี ทั้งกายและใจนะคะ ^^ โชคดี

ผ่าฟันคุด

ที่ข้าพเจ้าหายไปนานเพราะช่วงนี้ป่วยๆ ทั้งมีฟันคุดและท้องเสียอีกตั้งหาก

====================================================

มาพูดถึง ฟันคุด กันก่อน

====================================================

ฟันคุด ตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจ ก็คือ ฟันที่ขึ้นมาในปากอย่างผิดปกติ หรือ ขึ้นมาไม่ได้ (อยู่ในเหงือก) ส่วนมากมักจะอยู่ริมๆ

====================================================

ที่จริงข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกถึงมันเป็นเวลานานพอควรและ แต่ตอนแรกนึกว่าเป็นฟันอีกซี่ เพราะอีกซี่นึงเป็นฟันบนขวา มันไม่มีคู่ (เหมือนเจ้าของ TT) มันก็เลยยื่นออกมาแล้วทำให้รู้สึกรำคาญๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นฟันเก แต่ก็เห็นว่ามันแค่ยื่นเฉยๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนเมื่อไม่นานมานี่ ลองถูเหงือกข้างๆ ฟัน นิ้วของข้าพเจ้าก็สัมผัสได้ถึง อะไรแข็งๆอยู่ในเหงือก นั่นหละฟันคุด

====================================================

พอรู้ว่าเป็นฟันคุด ข้าพเจ้าก็เริ่มกังวลเพราะหมอเคยบอกมาว่า ถ้าไม่เอาออกจะ

– ชนฟันอื่นทำให้ฟันอื่นผุ แล้วถ้าผุก็ปวด และอาจส่งผลถึงเส้นประสาท จี๊ดๆ

– อาจทำให้ เหงือก เป็นหนอง ปวด บวม บ่อยๆ ปากเน่าเหม็น

และมันก็มักจะไม่มีความจำเป็นในการใช้งาน ซึ่งก็ควรถอนออกไปซะ

ข้าพเจ้าเลยคิดว่ายอมเจ็บแวบเดียวดีกว่าเจ็บยาว

====================================================

สักพักข้าพเจ้าก็ตัดสินใจได้ว่าต้องรีบเอาออกให้เร็วที่สุด ก็ดูๆวันหยุดไว้ และก็หาร้านแถวๆบ้าน ดูตามเว็บ และโทรไปสอบถามเอาและก็จองได้ ศึกษาเรื่องราคาไปด้วยบ้างนิดหน่อย เพราะกลัวเอาตังค์ไปไม่พอจ่าย เอาไปสัก 4000 เผื่อเอาไว้ เพราะดันเป็นฟันที่น่าจะเป็นเคสยากซะด้วย

====================================================

พอถึงวันนัดก็ไปคนเดียวเลย ใจกล้าพอตัวนะเรา อิอิ คนส่วนมากไปกันเป็นครอบครัว นั่งรอสักพัก ผู้ช่วยหมอก็มาเรียกตัวไป เราก็เลยเดินไป สักพักขึ้นบันได เค้าก็ให้เราอยู่หน้า แต่เนื่องจากเราไม่รู้ทางเราเลยจะให้เค้าขึ้นมาก่อน หัวของเราเลยไปชนกับกำแพงเลย เจ็บมาก บวมขึ้นมาเลย กระแทกแรง เจ็บตัวก่อนทำฟันเสียอีก พอถึงหมอก็มึนๆ

====================================================

พอพบหมอก็ถามอะไรนิดหน่อยว่าทำไมมาผ่า ปวดหรือ (ที่จริงยังไม่ปวดแต่กลัวปวดนั่นหละ) และหมอก็ดูฟันอีกซี่ที่ยื่นๆออกมา แล้วเค้าก็ถามเราว่าจะเอาออกด้วยไหม ฟันนี้ไม่จำเป็น คือมันอยู่ติดกัน เราก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเอาออกด้วย เลยบอกหมอ ถอนไปเลย สรุปที่จะทำคือมีถอน 1 ผ่า 1 ซี่

พอถึงเวลาหมอก็ทำการ X-ray ตรงฟันที่เราคุด พอได้ภาพปุป หมอก็ให้เราบ้วนปากก่อน แล้วก็เริ่มดำเนินการ

====================================================

หมอก็เอาผ้ามาปิดหน้า ปิดตาเราให้เหลือแต่ปาก หลังจากนั้นก็เริ่มฉีดยาชา (โชคดีหมอมือเบามากเลยไม่รู้สึกเจ็บ) หมอก็รอสักพัก แล้วก็ทำการทดสอบแล้วถามเราว่าเจ็บอยู่ไหม เราก็ว่าไม่ หมอก็เริ่มทำการถอนฟันก่อนเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือ หมอทำอะไรสักอย่างกับเหงือก แล้วก็มีการดึง กับ ดัน ฟัน ถ้าจะใช้แรงเยอะอยู่นะ คือเนื่องจากชา เลยไม่รู้สึกไรมาก แต่รู้สึกได้ว่าดึงฟันออกไป 2 ซี่แล้วก็เย็บแผลเลย พอเสร็จก็มีเช็ดปากเรานิดหน่อยรอบเลย เราเลยรู้สึกได้ว่าเลือดน่าจะกระเด็นเต็มปากอยู่ แต่ที่สำคัญคือไม่เจ็บ พอเสร็จ หมอก็ให้กัดผ้าก็อตไว้ ใช้เวลาทั้งหมดแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเอง เร็วมาก

เสร็จก็ลุกขึ้นมาเห็นฟันตัวเองอยู่ข้างๆเลยขอหมอเอากลับมาดูเป็นที่ระลึกด้วย ตอนแรกนึกว่าฟันคุดที่อยู่ในเหงือกจะเล็กๆที่ไหนได้ใหญ่มาก

====================================================

รูปฟันหลังจากถอน และ ผ่า ข้างเดียวกัน คือ บนขวา

 

สภาพฟันตอนแรกที่หมอคืนมาคือ เลือดอาบและมีเนื้อเหงือกติดอยู่ อันนี้ล้างออกไปบ้างแล้ว

====================================================

หลังจากนั้นก็รอเรียก พนักงานก็เอาน้ำแข็งมาให้ประคบไปเรื่อยๆรอคิดเงิน

พอเรียกไปคิดเงิน ตกใจ ประมาณ 1500 บาท คือถูกกว่าที่คิดเยอะเลยนึกว่าจะเกิน 3000 ซะอีก แถมเบิกประกันสังคมได้ตั้ง 600

====================================================

ข้อควรปฏิบัติหลังผ่าฟันมา ตามที่เอกสารบอกมา

กัดผ้าก็อตที่หมอให้กัดไว้สัก  2 ชั่วโมง และก็พยายามอย่าพูดถ้าไม่จำเป็น (เรื่องนี้ข้าพเจ้าพยายามมาก อิอิ)

วันแรก ประคบนอกปากด้วยน้ำแข็ง

วันที่สอง ประคบด้วยน้ำอุ่นๆ

ห้ามบ้วนทุกอย่างในวันที่ถอน เลยได้แต่ให้น้ำผ่านๆปากไป

ที่สำคัญห้ามเล่นแผล ถึงแม้จะยังไม่เจ็บก็ตาม

และอื่นๆ เอาไว้โดนผ่าก็จะรู้เอง

====================================================

วันแรก เรายังไม่กล้ากินอะไรเลยกลัว เลยกินแต่น้ำเปล่ากับ นม แปรงฟันก็ยังไม่กล้าแปรง ซกมกมาก แถมต้องไปนั่งดูคนเค้ากินเลี้ยงกัน ทั้งๆที่ตัวเองกินอะไรไม่ได้นี่น่าช้ำใจจริงๆ

วันต่อๆมาแปลกใจที่ไม่เจ็บ อาจมีปวดๆบ้าง แต่น้อยกว่าที่เคยทำมาครั้งแรก และก็พยายามกินอาหารอ่อนๆ อ้าปากไม่ค่อยได้ รู้สึกจะกรามค้างไปประมาณสองวัน หลังจากนั้นก็แทบกลับมาปกติแล้ว แหอะๆ (เนื่องจากไม่ปวดข้าพเจ้าเลยไม่ได้กินยา หุหุ ที่สำคัญคือถ้าต้องกินก็อาจไม่กิน เพราะ ข้าพเจ้ากินยาเม็ดได้ยากมาก)

วันที่ผ่าตัดคือวันอาทิตย์ตอนบ่ายๆ วันที่กินข้าวสวยๆมือแรกได้นั้นเป็นวันพุธตอนเย็นๆ กินคำแรกหลังจากไม่ได้กินมานานเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ประทับใจ การที่คนเราไม่ได้กินข้าวตามปกติได้นั่นช่างทรมานจริงๆ ก่อนหน้านั้นทานแต่โจ๊ก กับ นม

====================================================

ที่จริงช่วงที่กินอาหารไม่ได้ ดันมาท้องเสียอีกตังหาก เพื่อนเลยบอกว่านอกจากเอาเข้าไม่ได้แล้วยังออกอีก เห้อ เวลาจะป่วยก็ดันป่วยพร้อมๆกัน ไว้เล่าต่อว่าท้องเสียแล้วเป็นยังไง (สาเหตุอาจเกิดจากกินนมก็เป็นไปได้ แอบเซง แหอะๆ)